การศึกษาเปรียบเทียบสถาปัตยกรรมวัดเเก้วเเละวัดหลง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กับสถาปัตยกรรมจันทิ ชวาภาคกลาง ประเทศอินโดนีเซีย

Other Title:
ARCHITECTURE OF CANDI IN SOUTHERN THAILAND AND CENTRAL JAVA, INDONESIA
Author:
Subject:
Date:
2559-07-22
Publisher:
มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract:
สถาปัตยกรรมศรีวิชัยในเมืองไชยานั้น นอกจากพระบรมธาตุไชยาแล้วยังมีสถาปัตยกรรมวัด
แก้วและวัดหลง ที่แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงทรากอาคาร แต่ด้วยร่องรอยทางสถาปัตยกรรมที่ปรากฏ
โดยเฉพาะ “สถูปเจดีย์แบบเอวคอด” ที่ประดับอยู่บนชั้นหลังคา อันถือเป็นรูปแบบศิลปะที่เชื่อมโยง
ได้กับ “จันทิ” สถาปัตยกรรมศรีวิชัยของราชวงศ์ไศเลนทร์ในชวาภาคกลาง องค์ประกอบทาง
สถาปัตยกรรมที่ส าคัญดังกล่าว ท าให้เกิดข้อสรุปในทางวิชาการตรงกันว่า สถาปัตยกรรมศรีวิชัยใน
เมืองไชยา อันได้แก่ พระบรมธาตุไชยา และกลุ่มสถาปัตยกรรมวัดเวียง วัดแก้ว วัดหลงนั้น ถูกสร้าง
ขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14-15 โดยมีรูปแบบศิลปะที่เชื่อมโยงได้กับศิลปะศรีวิชัยของราชวงศ์ไศเลนทร์
ในชวาภาคกลาง การศึกษานี้ได้ใช้กระบวนการสันนิษฐานรูปแบบสถาปัตยกรรม มาวิเคราะห์
สถาปัตยกรรมศรีวิชัยในเมืองไชยา จนน ามาสู่ข้อสันนิษฐานใหม่ที่ต่างไปจากเดิมว่า พระบรมธาตุไชยา
น่าจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-13 ด้วยรูปแบบศิลปะจามแห่งอาณาจักรจามปา
แต่มาถูกปรับแปลงให้เป็นสถาปัตยกรรมศรีวิชัยในพุทธศตวรรษที่ 14-15 โดยเพิ่มองค์ประกอบที่เป็น
สถูปเจดีย์บนชั้นหลังคาทุกชั้นรวมทั้งบนยอดสูงสุดของอาคาร เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเดียวกับ
ที่มีการก่อสร้างกลุ่มสถาปัตยกรรมวัดเวียง วัดแก้วและวัดหลงบนพื้นที่เมืองไชยา ทั้งนี้พบว่าวัดแก้ว
และวัดหลงซึ่งปัจจุบันยังเหลือร่องรอยให้ศึกษาได้บางส่วนนั้น มีแบบแผนการก่อสร้างเป็นแบบศิลปะ
ชวา-ศรีวิชัย แต่รายละเอียด ฝีมือเชิงช่างและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมมีรูปแบบศิลปะจามที่
ผสมผสานความเป็นท้องถิ่นไชยา นอกจากนี้ เมื่อท าการศึกษารูปแบบสถาปัตยกรรมพระบรมธาตุไชยา
วัดแก้วและวัดหลงควบคู่ไปกับการศึกษาหลักฐานด้านอื่นๆ อาทิ จารึก จดหมายเหตุจากจีน ศิลปวัตถุ
และลักษณะที่ส าคัญทางภูมิศาสตร์ของเมืองไชยา ผ่านกรอบการศึกษาของทฤษฎีทางสังคมแนว
วิพากษ์อย่าง “เศรษฐศาสตร์วัฒนธรรม” ได้น ามาสู่ข้อสันนิษฐานใหม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศรีวิชัยใน
เมืองไชยาว่า “ก่อนที่ไชยาจะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัยในพุทธศตวรรษที่ 14 นั้น
พื้นที่แห่งนี้น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งหรืออยู่ใต้อิทธิพลของอาณาจักรจามปามาก่อน” Candis at Phra Borommathat Chaiya and Wat Kaeo and Wat Long,
Suratthani were chosen as case studies because they were Srivijayan architecture
found in Thailand. Candi at Wat Kaeo and Wat Long had some similarities with Candi
Kalasan in central Java in a cruciform plan and decorated stupas found in an
archaeology site. Furthermore, according to Wat Semamuang inscription, they were
built around 775 CE. or in 778 CE., according to Kalasa inscription. Scholars generally
conclude that Phra Borommathat Chaiya and Wat Kaeo and Wat Long built in 8th-9th
centuries, coincide with Srivijayan art style. However, the study suggests that Phra
Borommathat Chaiya probably was built in 6th-7th centuries. The traditional
construction plan, elements, details and skilled technique had unique characteristics
and related to Cham art. Only elements of curve-base shape stupas on the top of
the building associated with Srivijayan art and were probably added later. Parallel
period, candi at Wat Kaeo and Wat Long were built in the 8th century. The stupas
influence of Srivijayan art which associated with Candi Kalasan in central Java such as
architectural plans and elements on the top of the buildings. Nevertheless,
architectural details and technique can be related to Cham art and indicate that they
were adopted and transformed into Chaiya local art style. Unique characteristics of
Candi in southern Thailand were analysed through reconstruction process and other
evidences. They lead to propose a hypothesis that “Before Chaiya was a part of
Srivijaya in 8th century, it was probably under the influence of Champa kingdom.”
Type:
Discipline:
ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม แผน ก แบบ ก 2 (กลุ่มวิชาสถาปัตยกรรมเอเชียฯ) ระดับปริญญามหาบัณฑิต
Collections:
Total Download:
133