การศึกษาอัตราการเจริญเติบโตของปลานิลโดยใช้สารสกัดไคโตซานจากเปลือก กุ้งขาว, เปลือกปูทะเล และเปลือกหอยเชอรี่

Abstract

การทดลองสกัดไคติน-ไคโตซานพบว่า ไคติน-ไคโตซานที่เตรียมจากเปลือกกุ้งขาวเปลือกปู ทะเลและจากเปลือกหอยเชอรี่พันธุ์สีเหลืองปนน้ําตาล มีคุณสมบัติเทียบเท่ากันตามมาตรฐาน หรือ Specification โดยทั่วไปที่ใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ (ค่า%DD ประมาณ 50% ขึ้นไป) (สุธิดา ,2552) โดยผล %DD ของการสกัดไคโตซานจากเปลือกกุ้งขาวเปลือกปูทะเลและจากเปลือกหอยเชอรี่พันธุ์สีเหลืองปนน้ำตาลมีค่า ตามลําดับ โดยสามารถสกัดไคตินและไคโตซานจากเปลือกกุ้งขาวได้ ปริมาณ 12.37% เปลือกปูทะเล 15.96% และ เปลือกหอยเชอรี่พันธุ์สีเหลืองปนน้ําตาล 17.53% การศึกษาผลของการประยุกต์ใช้ไคติน-ไคโตซานจากเปลือกกุ้งขาวเปลือกปูทะเลและจาก เปลือกหอยเชอรี่พันธุ์สีเหลืองปนน้ําตาล เป็นสารเร่งการเจริญเติบโตในปลานิล ความยาวเฉลี่ย ประมาณ 3 เซนติเมตร จํานวน 300 ตัว โดยแบ่งกลุ่มการทดลองเป็นออกเป็น 5 กลุ่มการทดลอง (Treatment) กลุ่มละ 3 ซ้ํา (Replicate) โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomize Design; CRD) ระยะเวลาการทดลอง 42 วัน โดยกลุ่มที่ 1 ได้รับอาหารพื้นฐาน เปรียบเทียบกับการทดลองกลุ่มที่ 2, 3, 4 และ 5 ที่ได้รับอาหารที่เสริมไคติน-ไคโตซานจากเปลือกกุ้ง ขาว, จากเปลือกปูทะเล, จากเปลือกหอยเชอรี่พันธุ์สีเหลืองปนน้ำตาล และจากอาหารที่เสริมจากไค โตซานสําเร็จรูปในปริมาณที่เท่ากัน คือที่ระดับ 300 ppm โดยตลอดระยะเวลาการเลี้ยงพบว่าอัตรา การรอดตาย (%Survival Rate) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (P>0.05) และ สําหรับอัตราการเจริญเติบโตต่อวัน (ADG), น้ำหนักตัวที่เพิ่ม (WG), อัตราแลกเนื้อ (FCR) และ ประสิทธิภาพการใช้อาหาร (FE) ในกลุ่มการทดลองที่ 1 แตกต่างกับกลุ่มการทดลองที่ 2, 3, 4, 5 และการทดลองที่ 5 ก็มีความแตกต่างกับกลุ่มการทดลองที่ 3 และ 4 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<0.01) โดยกลุ่มการทดลองที่ค่าสมรรถภาพการเจริญเติบโตของปลานิลที่ดีที่สุดคือ ปลานิลในกลุ่ม การทดลองที่ 5 และรองลงมาคือกลุ่มการทดลองที่ 4, 3, 2, และ1 ตามลําดับ